Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

บทบาทของผู้ปกครองในการส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์และสังคมของเด็กปฐมวัย

การพัฒนาเด็กปฐมวัยเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตในอนาคต โดยเฉพาะทักษะทางสังคมและอารมณ์ที่มีผลต่อพฤติกรรมและการปรับตัวของเด็ก บทความนี้นำเสนอบทสรุปสาระสำคัญงานวิจัยของคณะนักศึกษาในต่างประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายบทบาทของผู้ปกครองในการส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคมและอารมณ์ของเด็กปฐมวัย รวมถึงตัวชี้วัดที่ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เหมาะสมภายในครอบครัว และปัจจัยที่ส่งผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็ก จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ( Literature Study ) ผลการศึกษาของ Hardiningrum & Firdaus (2020) แสดงให้เห็นว่าผู้ปกครองมีบทบาทสำคัญในพัฒนาการทางสังคมและอารมณ์ของเด็ก โดยสามารถสรุปออกเป็น 5 บทบาท ดังนี้:

1. ผู้ปกครองในบทบาท“ผู้ให้การศึกษา” (Educators)

ผู้ปกครองมีบทบาทในการให้การศึกษาแก่เด็กผ่านการสอนและเป็นแบบอย่างที่ดี การเรียนรู้ของเด็กในช่วงปฐมวัย ส่วนใหญ่มาจากการเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ปกครอง หากผู้ปกครองแสดงพฤติกรรมเชิงบวก เช่น การพูดจาสุภาพ การควบคุมอารมณ์ และการช่วยเหลือผู้อื่น เด็กจะซึมซับพฤติกรรมเหล่านี้และนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

2. ผู้ปกครองในบทบาท “พี่เลี้ยง” (Mentors)

ผู้ปกครองทำหน้าที่ในการชี้แนะและให้แนวทางเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เหมาะสม การชี้แนะของผู้ปกครองช่วยให้เด็กเรียนรู้วิธีปฏิบัติตัวในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเมื่อเล่นกับเพื่อน เช่น การสอนให้เด็กแบ่งปันหรือรอคิว ผู้ปกครองยังช่วยสร้างความมั่นใจและสอนวิธีแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง ซึ่งจะช่วยให้เด็กปรับตัวในสังคมได้ดียิ่งขึ้น

3.ผู้ปกครองในบทบาท “ผู้ให้การดูแลชี้แนะ” (Supervisors)

ผู้ปกครองมีหน้าที่คอยสังเกตพฤติกรรมและอารมณ์ของเด็ก เพื่อเข้าใจความต้องการและปัญหาที่เกิดขึ้น การสังเกตอย่างใกล้ชิดทำให้ผู้ปกครองสามารถสนับสนุนและให้คำแนะนำได้อย่างเหมาะสม ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และสนับสนุนให้เด็กเรียนรู้ที่จะตัดสินใจด้วยตนเองอย่างถูกต้อง

4. ผู้ปกครองในบทบาท “ผู้สนับสนุนและอำนวยความสะดวก” (Facilitators)

ผู้ปกครองทำหน้าที่จัดหาสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อพัฒนาการ เช่น การเตรียมของเล่นเสริมทักษะหรืออุปกรณ์การเรียนรู้ที่ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และทักษะทางสังคม การมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเล่นของเด็ก จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว และทำให้เด็กเรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี

5. ผู้ปกครองในบทบาท “เพื่อน” (Friends) ผู้ปกครองมีบทบาทในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและเป็นกันเองกับเด็ก การทำหน้าที่เป็นเพื่อนช่วยให้เด็กรู้สึกไว้วางใจและสบายใจในการสื่อสารกับผู้ปกครองมากขึ้น ให้ความสำคัญกับการใช้เวลาร่วมกัน ทำกิจกรรมที่เด็กชื่นชอบ จะช่วยให้เด็กกล้าพูดคุยเรื่องความรู้สึกของตนเองมากขึ้น ซึ่งช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความสัมพันธ์ทางอารมณ์ที่ถูกต้อง

ตัวชี้วัดบทบาทของพ่อแม่ในการจัดสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้
Irawati Istadi ระบุว่า บ้านจะสามารถเป็นฐานการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพได้ ก็ต่อเมื่อมีการจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกทางการศึกษาอย่างครบถ้วนและเหมาะสม โดยผู้ปกครองสามารถสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เอื้อต่อพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็ก ตามตัวชี้วัดดังนี้ :
1. การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ภายในบ้าน (Creating a Learning Culture at Home)
2. การให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ (Prioritizing Educational Tasks)
3. การส่งเสริมให้เด็กเข้าร่วมกิจกรรมในโรงเรียน (Encouraging Participation in School Activities)
4. การเปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงออกและพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ (Providing Opportunities for Creativity and Expression)
5. การสร้างบรรยากาศแบบประชาธิปไตยภายในครอบครัว (Creating a Democratic Atmosphere at Home)

ปัจจัยที่ส่งผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัย
จากหนังสือเรื่อง Emotional Development in Early Childhood Medan: Perdana Publishing เขียนโดย Khadijah & Zahriani (2022) ได้ระบุปัจจัยที่ผู้ปกครองควรตระหนัก ดังนี้:
1. ปัจจัยด้านวุฒิภาวะ (Maturity Factor) ซึ่งสามารถสังเกตได้จากความสามารถของเด็กในการจัดการ
กับสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสมหรือไม่คุ้นเคยในสังคมหรือสิ่งแวดล้อมรอบตัว
2. ปัจจัยด้านความขัดแย้ง (Conflict Factor) แม้ว่าความขัดแย้งบางกรณีจะสามารถแก้ไขได้ แต่ในบางกรณีเด็กที่ไม่สามารถจัดการกับความขัดแย้งได้อย่างเหมาะสม อาจเกิดปัญหาทางพฤติกรรมและความไม่มั่นคงทางอารมณ์
3. ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ (Learning Environment Factor) ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมาก
ต่อพัฒนาการทางอารมณ์ โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมที่ใกล้ชิดกับเด็ก เช่น บทบาทของผู้ปกครองหรือผู้ดูแลหากเด็กอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนและอบอุ่น จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็กได้เป็นอย่างดี